วิกฤติเนื่องจากการปฏิวัติเทคโนโลยี ตามแนวคิดของ บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) ดร. รุ่ง แก้วแดง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ จากบทที่ 1 วิกฤติทางการศึกษาของไทย ตีพิมพ์ในหนังสือปฏิวัติการศึกษาไทย พิมพ์ครั้งที่ 8 สำนักพิมพ์มติชน กุมภาพันธ์ 2543 หน้า 14-18 บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) เป็นเจ้าของบริษัทไมโครซอฟต์ซึ่งผลิตซอฟต์แวร์สำหรับระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นคนที่มีอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์ และเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในธุรกิจคอมพิวเตอร์คนหนึ่งของโลก เมื่อเร็ว ๆ นี้ บิลล์ เกตส์ได้เขียนหนังสือที่น่าสนใจและกลายเป็นหนังสือขายดีมากอีกเล่มหนึ่ง ชื่อ The Road Ahead ในหนังสือเล่มนี้ บิลล์ เกตส์ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยได้พูดถึงการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้กับการศึกษา บิลล์ เกตส์วาดฝันไว้ว่า โรงเรียนทุกแห่งจะปฏิวัติระบบการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดยเขาได้เสนอความเห็นในเรื่องการศึกษาที่สอดคล้องกับความเห็นของนักการศึกษาคนสำคัญ ๆ ของโลก เช่น การเรียนมิได้มีเฉพาะในห้องเรียน บิลล์ เกตส์กล่าวว่าการเรียนไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะในห้องเรียนและอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับของครูเท่านั้น ในโลกยุคปัจจุบันคนสามารถที่จะเรียนได้จากแหล่งความรู้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะทางด่วนข้อมูล (Information Superhighway) ซึ่งกำลังจะมีบทบาทและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการศึกษาของมนุษย์ ผู้เรียนมีความแตกต่างระหว่างบุคคล บิลล์ เกตส์ได้อ้างทฤษฎีอาจารย์วิชาการศึกษาที่ว่า เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงจำเป็นจะต้องจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความแตกต่างระหว่างบุคคล เพราะเด็กแต่ละคนมีความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ และการมองโลกแตกต่างกันออกไป การเรียนที่ตอบสนองความต้องการรายคน บิลล์ เกตส์มีความเห็นว่าการจัดการศึกษาที่สอนเด็กจำนวนมาก (Mass Production Education) โดยรูปแบบที่จัดเป็นรายชั้นเรียนในปัจจุบัน ไม่สามารถที่จะตอบสนองความต้องการของเด็กเป็นรายคนได้ แต่ด้วยพลังอำนาจและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การเรียนตามความต้องการของแต่ละคน (Tailor-made Education) ซึ่งเป็นความฝันของนักการศึกษามานานแล้วนั้น สามารถจะเป็นจริงได้ โดยมีครูคอยให้การดูแลช่วยเหลือและแนะนำ การเรียนโดยใช้สื่อประสม บิลล์ เกตส์ฝันว่าในอนาคตห้องเรียนทุกห้องจะมีสื่อประสม (Multimedia) จากเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เด็กสามารถเลือกเรียนเรื่องต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ ซึ่งในปัจจุบันได้มีบริษัทธุรกิจต่างๆ ผลิตสื่อประสมไว้มากมายหลายรูปแบบ และสอดคล้องกับเนื้อหาที่จะเรียน สื่อประสมจะเข้ามาในรูปของซีดีรอม (CD-Rom) บนทางด่วนข้อมูลโดยต่อเชื่อมโยงเข้ากับ Internet ที่เป็นระบบ World Wide Web ช่วยให้เด็กสามารถเห็นภาพ ฟังเสียง ดูการเคลื่อนไหว ฯลฯ และมีสถานการณ์สมมุติต่าง ๆ ที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ บทบาทของทางด่วนข้อมูลกับการสอนของครู ปัจจุบันครูต้องทำงานหนักเพื่อเตรียมการสอนตลอดเวลา แต่ด้วยระบบเครือข่ายทางด่วนข้อมูลจะทำให้ได้ครูที่สอนเก่งจากที่ต่าง ๆ มากมายมาเป็นต้นแบบ และสิ่งที่ครูสอนนั้นแทนที่จะใช้กับเด็กเพียงกลุ่มเดียวก็สามารถสร้าง Web Site ของตนหรือของโรงเรียนขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ออกไปให้โรงเรียนอื่นได้ใช้ด้วย ทางด่วนข้อมูลที่ทำให้สื่อสารระหว่างกันได้ (interactive network) จะช่วยปฏิวัติเรื่องการเรียนการสอนได้มาก บทบาทของครูที่เปลี่ยนไป บิลล์ เกตส์กล่าวว่า ครูจะมีหลายบทบาทหน้าที่คือ บทบาทที่ ๑ ทำหน้าที่เหมือนกับผู้ฝึก (Coach) ของนักศึกษา คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำ บทบาทที่ ๒ เป็นเพื่อน (Partner) ของผู้เรียน บทบาทที่ ๓ เป็นทางออกที่สร้างสรรค์ (Creative Outlet) ให้กับเด็ก และบทบาทที่ ๔ เป็นสะพานการสื่อสารที่เชื่อมโยงระหว่างเด็กกับโลก ซึ่งอันนี้ก็คือบทบาทที่ยิ่งใหญ่ของครู ถ้าครูทำบทบาทอย่างนี้ได้ การเรียนการสอนจะมีความสนุกสนานขึ้นอย่างมาก คอมพิวเตอร์กับความเป็นมนุษย์ ในการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้นั้น หลายคนเป็นห่วงว่าคอมพิวเตอร์จะทำลายความเป็นมนุษย์ไป แต่บิลล์ เกตส์พบว่าครูและนักเรียนสามารถอยู่กับคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ทำลายศักดิ์ศรีหรือความเป็นมนุษย์ เพราะบทบาทของครูก็ยังคงอยู่ และจะมีความสำคัญยิ่งขึ้น ถ้าเราสามารถปรับบทบาทของครูให้เข้าใจในเรื่องนี้ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ระบบทางด่วนข้อมูลคอมพิวเตอร์นี้จะช่วยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียน ครู และผู้ปกครอง เช่น การส่ง E-mail จากครูไปถึงผู้ปกครอง เพื่อรายงานผลการเรียนของนักเรียน ซึ่งแต่เดิมเป็นเรื่องที่ยาก จะต้องส่งเป็นจดหมายหรือต้องพบกัน แต่ในระบบใหม่จะสามารถส่ง E-mail ถึงกันได้ ทำให้สามารถคุยหรือสื่อสารกันได้ทั้ง ๓ ฝ่าย คือ ครู นักเรียน และผู้ปกครอง ด้วยความสามารถของคอมพิวเตอร์จะช่วยให้การจัดการศึกษาของเด็กง่าย และสะดวก และมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความคิดของบิลล์ เกตส์นับเป็นการเปิดโลกใหม่ด้านการศึกษา ด้วยการนำระบบคอมพิวเตอร์สมัยใหม่และทางด่วนข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั่วโลกเข้ามาเป็นตัวกระตุ้นการปฏิวัติระบบการเรียนการสอนที่มีอยู่เดิม ถึงแม้ว่าเขาจะย้ำว่าห้องเรียนยังคงมีอยู่เหมือนเดิม เพื่อลดการต่อต้านด้านเทคโนโลยี แต่จากรายละเอียดที่เขานำเสนอ จะพบว่าการเรียนการสอนในอนาคตจะต้องเปลี่ยนไปมาก ความหวังของนักการศึกษาทุกคนก็คือ การเปิดโอกาสให้เด็กสามารถเรียนได้เป็นรายบุคคลโดยมีการวางแผนร่วมกับครู ถ้าคนในวงการศึกษาไม่ปรับเปลี่ยนจะล้าหลังกว่าวงการอื่น ๆ อย่างแน่นอน เด็กที่มาจากครอบครัวชนชั้นกลางซึ่งมีคอมพิวเตอร์ใช้เป็นประจำที่บ้าน แต่เมื่อมาโรงเรียนกลับพบแต่ชอล์กกับกระดานดำ จะมีความรู้สึกคับข้องใจในการเรียนอย่างหนัก อันนี้ก็คือวิกฤติทางการศึกษาที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของการปฏิวัติเทคโนโลยี